อุณหภูมิการลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 นักลงทุนซื้อขายหุ้นด้วยความระมัดระวัง ภายหลังรายงานข่าวของผู้สื่อข่าวของ CNBC ระบุว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนในเฟสแรก ยังไม่สามารถตกลงกันได้ เนื่องจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ไม่ยินยอมที่จะยกเลิกการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ตามข้อเสนอของทางการจีน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทำเนียบขาวออกมาระบุว่า ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงกันแล้ว และเตรียมที่จะปิดการเจรจาทางการค้าในเฟสแรกลง ส่งผลให้นักลงทุนรอดูความชัดเจน ทำให้ราคาหุ้นทั่วทั้งตลาดนิวยอร์ก เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย
ดัชนี |
ปิดการซื้อขาย |
เปลี่ยนแปลง |
% |
DOWJONE |
28,036.22 |
+ 31.33 |
0.11 |
NASDAQ |
8,549.94 |
+9.11 |
0.11 |
S&P500 |
3,122.03 |
+1.57 |
0.05 |
ตลาดพากันกังวลกับรายงานข่าวของผู้สื่อข่าวของ CNBC ที่ระบุอ้างแหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางการจีนว่า ทางการจีนเผชิญกับปัญหา และยังไม่สามารถที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าในเฟสแรกกับสหรัฐอเมริกาได้ หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ยังไม่ยินยอมที่จะยกเลิกการขึ้นภาษีตามที่ทางการจีนเสนอ และระบุว่า ทางการจีนอาจจะต้องรอคอยให้กระบวนการถอดถอนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาจบสิ้น รวมทั้งรอให้สหรัฐอเมริกาเลือกตั้งใหญ่ครั้งใหม่ในปีหน้า
ข้อมูลดังกล่าว สวนทางกับที่นายลารี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทำเนียบขาว ระบุยืนยันว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนในเฟสแรกได้บรรลุข้อตกลงกันแล้ว และกำลังจะปิดการประชุมลง ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ S&P500 และ แนสแดก พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทั้งหมดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
และเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา สำนักข่าวซินหัว ของทางการจีน รายงานว่า นาย Liu He รองนายกรัฐมนตรีของจีน ได้พูดคุยผ่านทางโทรศัพท์กับนายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกา รวมทั้งนาย โรเบิร์ต ไลท์ไทเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา ถึงข้อตกลงทางการค้าในระยะแรกที่ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงร่วมกัน
รายงานข่าวดังกล่าว ของ CNBC ส่งผลให้นักลงทุนส่วนหนึ่งขายหุ้นออกจากตลาดหุ้น เข้าซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัยอีกครั้ง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาลดลงจากระดับ 1.85% ลงไปซื้อขายที่ระดับราว 1.8% ในช่วงชั่วโมงระหว่างการซื้อขาย และราคาทองคำในตลาดซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งลดลงในช่วงแรก เพิ่มขึ้นไปแตะระดับ 1,471.90 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์
นักลงทุนพากันเข้าลงทุนในหุ้นที่ปลอดภัย อาทิ หุ้นในกลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภค กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งในกลุ่มธุรกิจเพื่อการบริโภค โดยหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มธุรกิจเพื่อผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 0.6% ทั้งสองกลุ่ม เป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงให้ดัชนี S&P500 ขึ้นไปปิดในแดนบวกได้
อย่างไรก็ตาม หุ้นในกลุ่มพลังงานทั้งกลุ่มลดลงถึง 1.32% นับเป็นกลุ่มที่ลดลงมากที่สุด หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดซื้อขายล่วงหน้าที่นิวยอร์ก ลดลงถึง 1.2% จากความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน