อุณหภูมิการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วันที่ 7 พฤศจิกายน 2562 นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกันอย่างคึกคักในช่วงภาคบ่าย ภายหลังจากกระทรวงพาณิชย์ของจีน กล่าวว่า สหรัฐอเมริกาและจีนได้บรรลุข้อตกลงทางการค้าร่วมกันในการจะยกเลิกการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าที่เพิ่มขึ้นของทั้งสองฝ่าย ส่งผลให้ราคาหุ้นทั่วทั้งเอเชียและราคาหุ้นในตลาดซื้อขายล่วงหน้าของสหรัฐอเมริกา รวมทั้งตลาดหุ้นที่ยุโรป ต่างพากันเพิ่มขึ้นกันอย่างแรง ส่งผลให้ดัชนีราคาหุ้นที่ไทยที่ซื้อขายกันในระดับทรงตัวจากวันก่อนในช่วงเช้า พุ่งขึ้นอย่างแรง ขึ้นไปปิดที่ระดับ 1,640.88 จุด อันเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน ที่ผ่านมา หรือในรอบกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา
นายเกา เฟง โฆษกรัฐมนตรีว่ากระทรวงพาณิชย์ สาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า ทั้งรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลจีนได้ผ่านการบรรลุข้อตกลงในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ในการที่จะยกเลิกการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าระหว่างกันคิดเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา
พร้อมทั้งยังกล่าวอีกว่า การยกเลิกการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นของรัฐบาลทั้งสอง เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทั้งสองประเทศสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าในเฟส 1 ร่วมกัน
ราคาหุ้นทั่วทั้งเอเชียตอบรับรายงานข่าวดังกล่าว ด้วยการเพิ่มขึ้นกันอย่างสดใสทั่วทั้งภูมิภาค ดัชนี MSCI ASIA PACIFIC อันเป็นดัชนีชี้วัดราคาหุ้นทีสำคัญทั่วทั้งเอเชีย ไม่นับรวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 0.49% ดัชนีราคาหุ้นฮั่งเส็งที่ตลาดหุ้นฮ่องกงเพิ่มขึ้น 0.57% ดัชนีตลาดหุ้นเซิเจิ้น คอมโพเนนท์ เพิ่มขึ้น 0.57% เช่นเดียวกัน
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยไปไม่ได้ไกลกว่านี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลกับการที่ MSCI จะประกาศปรับน้ำหนักการลงทุนในหุ้นของไทยในวันนี้
รวมทั้งรายงานผลประกอบการของหุ้นบริษัทต่างๆของไทยที่ยังออกมาไม่ดี
ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป หรือ TU รายงานผลประกอบการไตรมาสที่สาม ออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ โดยมีกําไรสุทธิที่ 1.37 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า( YoY) แต่ราคาหุ้นก็เพิ่มขึ้น 0.20 บาทหรือ 1.43% ปิดที่ 14.20 บาท
ในขณะที่ PTTGC รายงานกำไรสุทธิไตรมาสสามที่ระดับ 2,663 ล้านบาท ลดลง 79% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า(YoY)ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้านี้ แต่ราคาหุ้นก็เพิ่มขึ้น 2.75 บาทหรือ 5.14% ขึ้นไปปิดที่ระดับ 56.25 บาท
ดัชนีราคาหลักทรัพย์ไทย(SET)ปิดที่ 1,640.88 จุด เพิ่มขึ้น 16.89 จุด หรือ+1.04%
มูลค่าการซื้อขาย 59,054.45 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 281.47 ล้านบาท
กองทุนในประเทศซื้อสุทธิ 3,357.45 ล้านบาท บริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 589.13 ล้านบาท นักลงทุนไทยทั่วไปขายสุทธิ 3,665.11 ล้านบาท